เรียนดำน้ำที่ไหนดี
ผู้ที่สนใจอยากเรียนดำน้ำ แต่พอหาข้อมูล เสริ์ชกูเกิ้ลแล้วเยอะไปหมด ทั้งเรียนค่ายไหน สถาบันไหน เรียนดำน้ำที่ไหนดี ดำน้ำราคาเท่าไหร่ ทางเราได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับสถาบันสอนดำน้ำ และโรงเรียนสอนดำน้ำมาให้เพื่อนๆ ได้พิจารณากัน ว่าจะเลือกเรียนดำน้ำยังไง มาดูกันเลย เรียนดำน้ำที่ไหนดี

1.สถาบันสอนดำน้ำ (ออกบัตรดำน้ำ)
ทุกวันนี้การดำน้ำลึกเป็นกิจกรรมสันทนาการ ดำน้ำเพื่อความผ่อนคลายและสนุกสนาน ซึ่งก่อนที่เราจะดำน้ำได้ นักดำน้ำทุกคนจะต้องผ่านการฝึกปฏิบัติและสอบจากสถาบันสอนดำน้ำ (Dive Agency) หรือสถาบันที่ออกบัตรดำน้ำให้เรากันก่อน เพราะบัตรดำน้ำจะอยู่กับเราตลอดชีพ และที่สำคัญเพื่อความปลอดภัย มีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องในการดำน้ำ สถาบันสอนดำน้ำจากทั่วโลกมีเยอะมาก เช่น PADI, BSAC, CMAS, NAUI, SSI SDI ฯลฯ บางชื่อก็ไม่รู้จักเลย เพราะรู้จักกันในบางพื้นที่เท่านั้น ในประเทศไทยมี 3 ค่ายที่นิยมเรียนดำน้ำกัน ได้แก่ PADI SSI และ NAUI ซึ่งทั้งสามนี้มีสถาบันสอนดำน้ำเปิดขึ้นหลายแห่งมากในประเทศไทย

1.1) PADI (Professional Association of Diving Instructors)
-ก่อตั้งขึ้นปี ค.ศ. 1966 สำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่แคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา
-เป็นสมาคมดำน้ำสันทนาการที่ใหญ่ที่สุด มีเครือข่ายทั่วโลก และมีผู้ถือบัตรดำน้ำของ PADI มากที่สุดในโลก ทาง PADI เคลมว่า ผู้ถือบัตรดำน้ำสถาบันอื่นๆ รวมกัน ยังไม่ได้ครึ่งหนึ่งของผู้ถือบัตร PADI เลย
-ไม่ต้องกังวลหากคุณไปดำน้ำในบางประเทศเล็กๆ เพราะพวกเขารู้จักบัตร PADI แน่นอน
-ราคาบัตรสูงกว่าค่ายอื่น จึงทำให้คอร์สเรียนดำน้ำของ PADI มีราคาสูงตามไปด้วย
-การเรียนการสอนของPADI เป็นไปตามขั้นตอน เรียงลำดับการทำสกิล ทำให้เรียนง่าย เข้าใจง่าย
-มีหลักสูตรเฉพาะทางให้เลือกเรียนหลากหลาย นอกจากเรียนดำน้ำทั่วไปแล้วยังมีการเรียนดำน้ำแบบSpecialty อีกหลากหลายให้เลือกเรียน เช่น การดำน้ำเรือจม การถ่ายรูปใต้น้ำ การถ่ายวีดีโอใต้น้ำ

1.2) SSI (Scuba Schools International)
-ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1970 สำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่โคโลราโด ประเทศสหรัฐอเมริกา
-เป็นสมาคมดำน้ำที่ใหญ่เป็นอันดับสองสำหรับการดำน้ำสันทนาการในประเทศไทย
-ราคาถูกกว่า บัตรของ PADI ทำให้คอร์สเรียนดำน้ำของ SSI อาจจะถูกกว่าคอร์สเรียนของ PADI
-การเรียนการสอนยืดหยุ่น เช่น ครูผู้สอนสามารถข้ามการทำสกิลที่นักเรียนถนัดไปทำก่อนได้ แล้วย้อนกลับไปทำสกิลที่ข้ามไป
-มีหลักสูตรเฉพาะทางให้เลือกเรียนหลากหลาย เช่นเดียวกับ PADI SSI ก็มี Specialty diving ที่น่าสนใจอยู่เยอะเหมือนกัน

1.3) NAUI (National Association of Underwater Instructors)
-ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1959 สำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่ฟลอริด้า ประเทศสหรัฐอเมริกา
-เป็นสมาคมที่ริเริ่มการดำน้ำแบบสันทนาการ ซึ่งมีการปรับรูปแบบวิธีการมาจากการฝึกทหาร
-ราคาถูกกว่าทั้งสองที่ที่กล่าวมา
-การเรียนการสอนมีความเข้ม เป็นไปตามขั้นตอน เพราะ NAUI พัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอนดำน้ำมากจาก US NAVY และเป็น Non-Organization ซึ่งเน้นให้ความรู้การดำน้ำอย่างปลอดภัย หลักสูตรของ NAUI จึงเน้นวิชาการ ลงลึกทุกรายละเอียดมากกว่า PADI ซึ่งจัดให้การเรียนดำน้ำเป็นการเรียนดำน้ำแบบสันทนาการเน้นสนุกๆ และเข้าใจง่าย

2.โรงเรียนสอนดำน้ำ (ร้านดำน้ำ)
โรงเรียนสอนดำน้ำในบ้านเรามีเป็นร้อยแปดพันเก้า จะเลือกเรียนดำน้ำที่ไหนดี ซึ่งเราจะต้องดูทั้งสถานที่เรียน ประสบการณ์ครูผู้สอนและร้านดำน้ำ ราคา รีวิว และเงื่อนไขต่างๆ ของโรงเรียนนั้นๆ อาจทำได้โดยการรีเสิร์จข้อมูลโรงเรียนนั้นๆ ดูรูปภาพ วีดีโอ รีวิวจากผู้ที่เคยเรียน และสภาพแวดล้อมเพื่อประกอบการตัดสินใจ
2.1) สถานที่เรียน ส่วนใหญ่แล้วโรงเรียนสอนดำน้ำที่คนนิยมไปเรียนดำน้ำกันจะมีที่กรุงเทพฯ, ชุมพร,เกาะเต่า, และภูเก็ต แต่ละที่ก็จะมีข้อดี-ข้อเสียแตกต่างกันไป
กรุงเทพฯ ส่วนใหญ่จะเรียนภาคทฤษฎีและสระก่อนที่ กทม. แล้วค่อยไปสอบภาคทะเลที่แสมสาร, สัตหีบ หรือพัทยา
ข้อดี คือ ไม่จำเป็นต้องลาเรียนหรือลางาน ส.-อา.แรกใช้เวลาเต็มๆ กับการเรียนทฤษฎีและปฏิบัติในสระน้ำจนมั่นใจ เวลาไปสอบภาคทะเลก็เดินทางไม่นานแค่ 2-3 ชม. จาก กทม.
ข้อเสีย คือ พัทยาและแสมสาร น้ำค่อนข้างขุ่นเพราะอยู่ใกล้ชายฝั่ง และโรงเรียนสอนดำน้ำบางแห่งที่พาไปสอบยังไม่รวมค่าเรือออกสอบทะเล หรือค่าออกบัตรดำน้ำ (ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขแต่ละเจ้า)
ชุมพร พักหลังมานี้ทะเลชุมพรเป็นหนึ่งในสถานที่ห้ามพลาดสำหรับนักดำน้ำ โดยเฉพาะเกาะร้านเป็ดร้านไก่ ที่น้อยคนนักที่จะรู้จัก
ข้อดี คือ ที่ชุมพร มีจุดดำน้ำหลายจุด น้ำใสกว่าทางพัทยา แสมสาร และมีโอกาสเจอฉลามวาฬ
ข้อเสีย คือ ใช้เวลาในการเดินทางนานกว่าพัทยา แสมสาร และสัตหีบ
เกาะเต่า เป็นสถานที่ที่ติดอันดับ Top 5 สำหรับผู้ที่อยากมาเรียนดำน้ำมากที่สุดในโลก
ข้อดี คือ มีจุดดำน้ำหลายจุดรอบเกาะเต่า ซึ่งแต่ละจุดมีความตื้นความลึกที่แตกต่างกันเหมาะสำหรับการเรียนดำน้ำ โดยเกาะเต่าสามารถดำน้ำได้ทั้งปี ไม่มีการเปิดปิดเกาะ น้ำใสกว่า มีโอกาสเจอสัตว์ใหญ่ เช่น ฉลามวาฬ บาราคูด้ายักษ์ ฉลาม black tip ฯลฯ
ข้อเสีย คือ ใช้เวลาในการเดินทางนาน หลายต่อ
ภูเก็ต ขึ้นชื่อว่าทะเลฝั่งอันดามัน เป็นสถานที่ในฝันของนักดำน้ำหลายท่านทั่วโลกที่อยากมาเยือนทะเลฝั่งนี้ ส่วนใหญ่นักดำน้ำจะมา Fun dive หรือซื้อทริป Liveaboard กัน
ข้อดี คือ ทะเลสวยแน่นอน น้ำใสมากกว่าที่อื่นๆ มีโอกาสเจอสัตว์ใหญ่ เช่น ฉลาม white tip กระเบนราหูโลมา ฯลฯ
ข้อเสีย คือ มีช่วงปิดทะเลฝั่งอันดามันตั้งแต่พ.ค.-ต.ค. คลื่นลมอาจจะแรงสำหรับมือใหม่

2.2) ครูผู้สอน ประสบการณ์ครูผู้สอนก็เป็นสิ่งสำคัญสำหรับการเรียนดำน้ำเช่นกัน แต่ปัญหาคือเราจะรู้ได้ไงว่าแต่ละที่ครูแต่ละคนมีประสบการณ์ยังไงบ้าง อาจต้องดูจากปัจจัยแวดล้อมด้วย เช่น ครูที่เกาะเต่า ส่วนใหญ่มีอาชีพประจำเป็นครูสอนดำน้ำ สอนทุกวันเลยก็ว่าได้ ซึ่งทำให้มีประสบการณ์การสอนมาก แต่ทั้งนี้ไม่ได้หมายความว่าครูที่อื่นไม่มีประสบการณ์ ต้องพิจารณาจากประวัติการดำน้ำ ประวัติการสอน หรือรีวิวจากนักเรียนที่เคยมาเรียนด้วย อีกอย่างคือต้องดูด้วยว่าจำนวนที่สอนไม่ควรมากเกินไปตามกฎของแต่ละสถาบัน เช่น PADI ไม่เกิน 8 คน แต่ที่เกาะเต่าจะสอนไม่เกิน 6 คน (ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแต่ละสถานที่และสภาพแวดล้อมด้วย) เพื่อความปลอดภัยเป็นหลัก อีกทั้งประสบการณ์ของโรงเรียนนั้นๆ ก็เป็นสิ่งสำคัญในการตัดสินใจว่าจะเรียนดำน้ำที่ไหนดี ถ้าโรงเรียนที่เปิดมานาน ได้รับการรับรองจากสถาบันดำน้ำ ก็จะมีความน่าเชื่อถือมากขึ้น
2.3) ราคา (ในที่นี้ยกตัวอย่างคอร์สเรียนดำน้ำเบื้องต้น)
กรุงเทพฯ โดยทั่วไปราคาเฉลี่ยจะอยู่ที่ 12,000 - 15,000 บาท หากราคาต่ำกว่านี้บางที่อาจไม่รวมค่าเรือออกสอบภาคทะเล ค่าบัตรดำน้ำ ค่าเดินทาง ค่าอาหาร และค่าที่พัก
ชุมพร ราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 13,000-16,000 บาท รวมค่าเรือออกสอบภาคทะเล ค่าบัตรดำน้ำ แต่ยังไม่รวมค่าเดินทาง ค่าอาหาร (ที่พักเป็นไปตามเงื่อนไขแต่ละโรงเรียน)
เกาะเต่า ราคา 11,000 บาท รวมค่าเรือออกสอบภาคทะเล ค่าบัตรดำน้ำ แต่ยังไม่รวมค่าเดินทาง ค่าอาหาร (ที่พักเป็นไปตามเงื่อนไขแต่ละโรงเรียน)
ภูเก็ต ราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 14,000 - 16,000 บาท รวมค่าเรือออกสอบภาคทะเล ค่าบัตรดำน้ำ แต่ยังไม่รวมค่าเดินทาง ค่าอาหาร และค่าที่พัก
จะเห็นว่าหลักสูตรการสอนดำน้ำของแต่ละสถาบันจะแตกต่างกันออกไปตามรายละเอียดข้างต้น ขึ้นอยู่กับความชอบของผู้เรียนว่าจะเลือกเรียนดำน้ำสถาบันใด อย่างไรก็ตามแต่ละสถาบันดำน้ำมีจุดประสงค์เดียวกันคือ ความปลอดภัยต้องมาเป็นอันดับแรก ส่วนโรงเรียนสอนดำน้ำแต่ละที่นั้นมีประสบการณ์ สถานที่ และรายละเอียดที่แตกต่างกันไปเช่นกัน ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับผู้เรียนว่าอยากเรียนดำน้ำที่ไหนดี มีเวลาพอไหม หรือมีงบประมาณเท่าไร สุดท้ายนี้หวังว่าบทความนี้จะมีประโยชน์ช่วยให้เพื่อนๆ ที่สนใจเรียนดำน้ำตัดสินใจเลือกเรียนดำน้ำได้นะ